“เราทำธุรกิจกับคนที่เรารู้จัก เราชอบ และ เราเชื่อ
we do business with whom we know, we like and we trust”
สาเหตุหลักที่ว่าทำไมเราควรมีเว๊บไซต์เป็นของตัวเองคือ มันคือ บ้านหลังเดียวที่อยู่ในออนไลน์ที่เป็นของเรา 100%
อยากให้ลองถามตัวเองว่าถ้าคิดว่ามีหน้าร้านหน้าบ้านของตัวเองใน facebook หรือช่องทาง social media นั้นเพียงพอแล้ว แล้วถ้าวันนึงที่ขายดี ทำอะไรไปไม่รู้เพจปลิวหรือโดยปิดไปสักอาทิตย์เปรียบเทียบกับไปเช่าที่เขาอยู่ แล้ววันนึงขายดีแล้วเจ้าของที่มาปิดประตูรั้ว ถึงตอนนั้น ต้องถามตัวเองว่า คุณเสียรายได้ไปเท่าไหร่แล้ว
ดังนั้นเหตุผลสั้น ๆ ของว่าทำไมเราควรจะมีหน้าบ้านหน้าร้านออนไลน์ในรูปแบบเว๊บไซต์คือการที่หายใจได้ด้วยปอดของตัวเอง แล้วถึงตอนนั้นคุณจะทราบว่า การหายใจได้ด้วยปอดของตัวเอง มันสดชื่นแค่ไหน
เหตุผลข้อที่ 1 – ความน่าเชื่อถือ
ถ้าคุณทำธุรกิจที่ขายสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น บริการ เป็นต้น ให้ลองคิดว่าว่าถ้าคุณและคู่แข่งมี facebook business page เหมือนกัน ขายสินค้าแบบเดียวกัน ราคาใกล้เคียงกัน แต่คุณมีเว๊บไซต์ ถ้าคุณเป็นลูกค้าคุณจะเลือกซื้อกับใคร ?
แล้วถ้าคุณทำธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) นำเสนองานให้กับองค์กร, หน่วยงาน ลูกค้ากดเข้ามาดูแล้วเรามีเว๊บไซต์ที่ดูแพง มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ก็ช่วยให้คนซื้อมั่นใจขึ้นไปอีกระดับนึง
ถ้าคุณขายของออนไลน์ที่มีราคาแพง ลูกค้ามั่นใจที่จะซื้อผ่านเว๊บไซต์มากกว่า เพราะความเชื่อที่ว่าจะถูกโกงมันยากกว่าการซื้อในเพจ social media ที่เปิดเพจยิงโฆษณา โอนเงินไปหาย
แล้วถ้าหากคุณขายให้กับลูกค้าต่างชาติ เช่น นักท่องเที่ยว เขามั่นใจที่จะซื้อผ่านเว็บไซต์มากกว่าแน่นอน
เหตุผลข้อที่ 2 – ข้อมูลเป็นระเบียบค้นหาได้ง่ายกว่า
เรามีอิสระเต็มที่ที่จะ ออกแบบประสบการณ์ลูกค้าเอง เอาข้อมูลอะไรก็ได้ที่เราศึกษามาแล้วว่าลูกค้าอยากเปิดมาแล้วเจอหรือกำลังหาอยู่มาวางไว้ในจุดที่ลูกค้าสะดวกคลิ๊กที่สุด
เมื่อประสบการณ์ลูกค้าที่เข้ามาหน้าร้านเรา (User Experience / UX) นั้นดีขึ้นเมื่อเขามีประสบการณ์ที่ดีเขาก็อยู่กับเรานานขึ้น แล้วเขาก็อยากจะ ซื้อของง่ายขึ้น อีกด้วย
ทำไปเรื่อย ๆ โดยการสร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์แก้ปัญหาลูกค้าได้ เวลาลูกค้าค้นหาใน Google ก็จะทำให้เขามาเจอเราได้ง่าย
เวลาลูกค้ามีปัญหาอะไรที่ต้องการคำตอบ จะซื้ออะไร เขาจะหาใน Google ก่อน ไม่ใช่ใน Facebook นะ โอกาสทางธุรกิจของเราตรงนี้ก็จะดีขึ้นตามไป
เหตุผลข้อที่ 3 – ปรับแต่งต่อเติมได้ตามความต้องการ
คุณจะปรับแต่งหน้าเว๊บยังไงก็ได้ตามใจ ไม่ต้องง้อ user interface ที่ถูกกำหนดมาโดยเจ้าของ เช่น Facebook เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพ สี ตัวอักษร ขนาดตัวอักษร เป็นต้น
เช่น blog นี้ผมก็สามารถปรับให้ตัวอักษรใหญ่ขึ้นได้ คนอ่านก็อ่านสบายตามากขึ้น
คุณยังสามารถใส่เครื่องมือต่าง ๆ ลงไปที่เราเรียกว่า plug-ins
เพื่อทำให้เว๊บคุณตอบสนองลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- การสร้างฟอร์มต่าง ๆ
- นำปุ่มสั่งซื้อให้ไปอยู่ในจุดที่ลูกค้าสะดวกที่สุด
- การจัดการเนื้อหาให้ลูกค้าหาข้อมูลได้ง่ายด้วยระบบ blog
- การให้ลูกค้าสมัครจดหมายข่าวของเรา
- มีระบบร้านค้าแบบ ecommerce ให้ลูกค้าเลือกซื้อสะดวกจ่ายง่ายจบในขั้นพริบตา
เหตุผลข้อที่ 4 – การทำการตลาดแบบตามหลอกหลอนหรือ rE-MARKETING
การจะทำแบบนี้ได้จะต้องมีเว็บไซต์อย่างเดียวเท่านั้น คุณทำไม่ได้ในช่องทาง social media platform โดยคุณสามารถติดตั้งบริการนี้ได้ทั้งจากค่ายของ Facebook และ Google
ถ้าจะยิง Ads แบบ Conversion ใน Facebook ก็ต้องมีเว็บไซต์จึงจะทำได้ ทั้งการทำแบบนี้ทำให้ค่าโฆษณาถูกลงไปด้วย
คุณยังสามารถที่จะสร้างฐานข้อมูลของลูกค้าได้ด้วย จากการที่ให้เขาสมัครจดหมายข่าวส่วนใหญ่จะมีของฟรีมายั่ว เช่น ใช้ E-Book ฟรี แจกฟรี template ต่าง ๆ แจกภาพสวย ๆ ฟรี บ้าง เพราะว่าหากคนที่กดสมัครมาได้นั้นเขาต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นจากการที่พิมพ์อีเมล์เข้าไปในแบบฟอร์มที่คุณสร้างไว้ ซึ่งคุณสามารถกำหนดได้เองว่าจะเอาข้อมูลอะไรบ้าง
คุณจะรู้ได้เลยว่าลูกค้าคนนี้ชอบสนใจเรื่องอะไร แล้วก็เอามาสร้าง Email Marketing ส่งให้เขาเรื่อย ๆ แบบว่าบิ้วไปเรื่อย ๆ นาน ๆ เข้าก็จะกลายมาเป็นลูกค้าขาประจำของเรา
การที่คุณมีฐานข้อมูลลูกค้า 100 คน อาจจะมีประโยชน์มากว่าคนที่กดไลท์ในเพจ Facebook 1,000 คนก็ได้ เพราะเขาอาจจะเป็น 100 คนที่ซื้อ 100 ครั้ง และดีกว่า 1,000 คนที่ซื้อแค่ครั้งเดียวก็ได้
เหตุผลข้อที่ 5 – ไม่โดนบล็อค เพราะนี่คือบ้านของเรา
ไม่ได้บอกว่าไม่ให้มีเพจ Facebook นะ นั่นเป็นอย่างแรกที่ต้องมีเลย เพราะมันทำให้คนรู้จักเรา หรือที่เราเรียกว่า แผ่นดินใหญ่
แต่ถ้าวันนึงคุณขายดีอยู่แล้วพนักงานไม่รู้ไปทำอะไรเข้าทำให้ โดนบล็อค เพจปลิวไปสักอาทิตย์นึง ถามว่ารายได้คุณหายไปเท่าไหร่ นี่ยังไม่นับความปวดหัวสารพัดที่จะต้องไปกู้คืนมาให้ได้นะ ผมบอกเลยว่าประสาทรับประทานมาก ๆ
ถ้าคุณมีเว๊บไซต์แล้วเก็บฐานลูกค้าไปเรื่อย ๆ วันนึงถ้าแผ่นดินใหญ่เข้าไม่ได้ คุณสามารถที่จะยิงตรงไปยังลูกค้าผ่านอีเมล์ เบอร์โทร SMS บอกเขาว่าเรายังมีอีกบ้านนึงที่อยู่ในออนไลน์ เข้ามาได้เลย
อย่าเอาไข่ทองคำของคุณใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว
เหตุผลมากมาย เริ่มเหนื่อยละ 55++ ขอพักแป๊บนะ
เหตุผลข้อที่ 6 – เว็บไซต์เป็นสินทรัพย์ดิจิตอลของเรา
การที่คุณสร้างเนื้อหาคุณภาพ หรือ valued contents ไปเรื่อย ๆ นั้น มันทำให้คุณขึ้นอันดับใน Google ซึ่งมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้
หากวันนึงคุณไม่ได้ทำแล้ว อยากจะขาย เพราะเว๊บคุณติดคีย์เวิร์ดบางคำที่เป็นที่ต้องการ คุณก็สามารถจะขายต่อได้ในราคาดีมาก ๆ
เหตุผลข้อที่ 7 – ไม่ต้องเสียค่าน้ำหรือค่านายหน้าให้ใคร
ถ้าเรามีบริการรับจองหรือขายของออนไลน์ที่ไม่ใหญ่มาก เช่น มีที่พักเล็ก ๆ ไม่ต้องไปเชื่อมต่อกับระบบอื่นมากมาก เราสามารถสร้างเว๊บไซต์จองที่พักได้ ลูกค้าเช็คไว้ว่าวันไหนว่าง สามารถปิดเปิดขายเป็นช่วงเวลาได้ ถ้าช่วงเทศกาลก็เพิ่มราคาห้องพักได้
ลูกค้าเข้ามาทำการจองจ่ายได้เอง โดยไม่ต้องคุยกับเราแม้แต่คำเดียว แล้วเราก็ไม่ต้องแบ่ง เปอร์เซ็นให้กับผู้ให้บริการ booking engine เลย ลองคิดดูว่าหากคุณมีรายได้ปีนึง 1 ล้านบาท คิดแค่ 5 % คือ 5 หมื่นบาท เป็นเงินที่หายไปจากกระเป๋าคุณ
คุณเลือกเก็บเงินนี้ไว้ได้จากการมีเว๊บไซต์เป็นของตัวเอง
บริการนี้ยังสามารถใช้ได้กับหลาย ๆ บริการ ไม่ว่าจะเป็น ขายทัวร์ จองห้องประชุม จองสถานที่จัดงานอีเวนท์ จองโต๊ะร้านอาหาร เช่ารถ จองรถ เป็นต้น
หากจ้างเขาทำอย่างต่ำ ๆ ต้องมีเงินเป็นหมื่น แต่เราสามารถเรียนรู้เองได้ ลดต้นทุนส่วนนี้ได้เป็นสิบเท่า
ลองเข้าไปดูโครงการที่ทางเราดูแลอยู่ได้นะ ชื่อโครงการ Bangrong Connect ,Community-based Tourism Booking Platform เป็นเว็บไซต์จองแพคเกจท่องเที่ยวชุมชุนที่เป็นเจ้าของ 100 % โดยวิสหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านบางโรง ภูเก็ต
โครงการนี้ล่าสุดเราได้รางวัล Thailand Smart Tourism Award ติด Top 5 ด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยว
เหตุผลข้อสุดท้าย ข้อ 8 เลขสวย – การทำเว็บไซต์ตอนนี้ง่ายมากและถูกมาก ๆ
ผมเริ่มหัดทำเว็บไซต์จำได้ว่าน่าจะประมาณ 17 ปีที่เดียว เริ่มตั้งแต่เขียนโค้ด ทำผ่านโปรแกรม เช่น Dreamweaver เป็นต้น การที่จะทำให้สวยได้นั้นยากและเสียเวลา ๆ มาก
ไม่เหมือนตอนนี้ง่ายมาก ๆ แค่ลากวาง มีของเล่นเยอะมาก ๆ ส่วนใหญ่ที่ผมใช้ฟรีหมดเลย จะเสียเงินก็มีแค่การจดโดเมนเนม (Domain Name) และ เว็บโฮสติ้ง (Web Hosting) ซึ่ง ราคาแค่หลักร้อยเองต่อปี
หากคุณใช้อยู่แพงกว่านี้มาก ๆ ลองคิดใหม่นะว่า คุณรู้มั้ยว่าคุณเสียเงินไปกับค่าอะไรกันแน่
ผมเคยฟังรายการนึงที่เขาถาม Seth Godin กูรูระดับโลกด้านการตลาดออนไลน์ ผู้ประกอบยุคดอตคอมยุคแรก ๆ ผู้ทำให้ Yahoo ผงาดขึ้นมา
ในรายการถามว่าตอนนี้คนมีเว็บไซต์กันเยอะ มี blog กันเยอะ เรายังควรที่จะทำหรือเปล่า Seth บอกว่า ยิ่งต้องรีบมีเลย เพราะทุกอย่างง่ายมาก ๆ แล้ว คุณจะเจอลูกค้ากลุ่มนึงที่คุณแก้ปัญหาให้เขาได้แน่นอนในอินเตอร์เน็ต
มันทำให้ผมกลับมาคิดว่า ตอนนี้มีเว็บไซต์ มี blog เยอะแยะมากมายแล้ว จะทำของเราเองอีกทำไม ใช่ครับในอินเตอร์เน็ตมีทุกอย่างเลยครับ แต่เป็นของเพื่อนเขาหมดเลย สิ่งที่ในอินเตอร์เน็ตไม่มีคือ ของเรายังไงครับ 🙂
อย่าช้า อย่ารอ ยังทันครับ ทำยังไงเหรอ “ทำ” ครับ